วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ข้อมูลใหม่ สาวๆทิ้งซ่องยึดถนนเบียร์บาร์ คาราโอเกะ

ภาพแฟ้ม AFP ถ่ายวันที่ 18 ธ.ค.2551 หญิงสาวเหล่านี้จับกลุ่มนั่งรอลูกค้าที่ริมถนนสายหนึ่งของพนมเปญ ปัญหาเศรษฐกิจบีบบังคับให้พวกเธอต้องขายบริการทางเพศแต่เยาว์วัย กฎหมายใหม่ได้ทำให้มี "มืออาชีพ" ทิ้งซ่องลงสู่ท้องถนนแย่งงานของพวกเธอมากขึ้น

ASTV ผู้จัดการออนไลน์—องค์กรพัฒนาภาคเอกชนจากสหรัฐฯ กล่าวว่า การจับปรับ จับกุมคุม และปฏิบัติต่อหญิงโสเภณีตามซ่องต่างๆ ได้บีบบังคับให้หญิงสาวเหล่านั้นลงสู่ริมถนนในเมืองหลวงหรือเข้าแอบแฝงขาย บริการตามบาร์หรือร้านกินดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านคาราโอเกะ ทำให้ยากต่อการให้ความช่วยเหลือ

องค์กรพัฒนาภาคเอกชนที่ไม่สังกัดรัฐบาลหรือ เอ็นจีโอ (NGO) ที่เพิ่งจะตั้งขึ้นใหม่แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มรณรงค์ให้ความรู้แก่หญิงขายบริการทางเพศในกรุงพนมเปญในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับการวิธีการป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์อื่นๆ แต่ก็ได้เจอปัญหาดังกล่าว

หญิงสาวเหล่านั้นอยู่กระจัดกระจาย หลบๆ ซ่อนๆ ไม่ไว้วางใจหน่วยงานใด

องค์การเพื่อสุขภาพครอบครัวระหว่างประเทศ หรือ FHI (Family Health International) ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ กล่าวว่า กฎหมายต่อต้านการค้าประเวณีที่มีผลบังคับใช้ในเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว ทำให้ตำรวจกวาดล้างซ่องโสเภณีต่างๆ อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ

ภาพแฟ้ม AFP ถ่ายวันที่ 18 ธ.ค.2551 ที่นี่คือ "ซ่อง" หนึ่งในหลายสิบแห่งในพนมเปญที่นักเที่ยวรู้จักกันดี แต่กฎหมายบังคับให้หญิงสาวเหล่านี้ต้องทิ้งแหล่งประกอบการลงท้องถนนหรือเข้า สิงสถิตในแหล่งบันเทิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านคาราโอเกะ ที่เปิดอย่างถูกกฎหมายและมีผุดขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆ
ผลลัพธ์อย่างหนึ่งก็คือ หญิงสาวเหล่านั้นได้ทิ้งซ่องลงสู่ท้องถนน หรือไม่ก็แอบแฝงอยู่ตามสถานบริการอื่นๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร บาร์ที่จำหน่ายเบียร์ รวมทั้งพวกเบียร์การ์เด้นต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านคาราโอเกะที่เปิดกันทั่วไปอย่างถูกกฎหมาย

เจ้าหน้าที่โครงการ SMARTgirl หรือ "หญิงเก่ง" ของ FHI กล่าวว่า การรณรงค์มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงวิถีการพูดถึงโรคเอดส์ หรือผู้ที่ติดเชื้อ HIV-AIDS ของคนทั่วไปเสียใหม่ โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้บริการ ให้มองหญิงสาวเหล่านั้นในฐานะที่เป็น "ผู้บริสุทธิ์" มากยิ่งขึ้น และพวกเธอมีสิทธิ์ที่จะได้รับความปลอดภัยจากผู้ไปใช้บริการ

"สมาร์ทเกิร์ลมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีที่ผู้คนพูดถึงเอชไอวี เอดส์" แคโรไลน์ ฟรานซิส (Caroline Francis) รองผู้อำนวยการ FHI กล่าว

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ของโครงการจะให้บริการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ตรวจสารเสพติด ตลอดจนบริการที่ถูกกฎหมายอื่นๆ และ ยังจะรณรงค์ให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมายต่อต้านการค้าประเวณี ซึ่งในปัจจุบันให้อำนาจตำรวจจับกุมหญิงสาวที่ตรวจพบว่ามีถุงยางอนามัยในครอบ ครองได้ โดยถือเป็นพยานวัตถุในการค้าประเวณี

ภาพแฟ้ม AFP ถ่ายวันที่ 1 ธ.ค.2548 หรือเมื่อกว่า 3 ปีมาแล้วที่เชื้อเอชไอวีเอดส์กำลังแผ่ลามอย่างกว้างขวาง เจ้าหน้าที่ NGO ออกตั้งโต๊ะแจกถุงยางอนามัยที่บริเวณตลาดใหม่ (Psar Thmei) กรุงพนมเปญ ในวันนี้หากสตรีคนใดถูกตรวจพบพกถุงยางอนามัยริมถนนหรือตามแหล่งบันเทิงอาจจะ ถูกจับฐานต้องสงสัยขายบริการทางเพศ
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า FHI จะรณรงค์ร่วมกันอีกหลายหน่วยงาน รวมทั้งองค์การสหประชาชาติด้วย เพื่อให้สามารถใช้ถุงยาอนามัยได้ถึง 100% ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ อันเป็นนโยบายร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ

ในกัมพูชาเคยมีการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างกว้างขวาง ในการป้องกันการแพร่ลามของโรคเอดส์ ซึ่งปรากฏว่าได้ผลอย่างดียิ่งอัตราของผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมาก

แต่กฎหมายต่อต้านการค้าประเวณีทำให้หญิงขายบริการที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ใหญ่ที่สุดไม่สามารถใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดและราคาถูกที่สุดใน การป้องกันตัวเองได้อย่างเต็มที่

องค์การ FHI ได้จัดประชุมสัมมนาเรื่องนี้ในวันศุกร์ (30 ม.ค.) ที่โรงแรมแคมโบเดียน่า โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 500 คน รวมทั้ง นายมัมบุนเฮง (Mam Bun Heng) รัฐมนตรีสาธารณสุข กับ นางแครอล รอดลีย์ (Carol Rodley) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งด้วย

ภาพจากเว็บไซต์ พนักงานบริการสาวของไนท์คลับแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดให้บริการต้นปีที่แล้ว การสำรวจได้พบว่าปัจจุบันมีหญิงขายบริการทางเพศเข้าไปแอบแฝงในสถานบันเทิง ต่างๆ จำนวนมากขึ้น


หญิงสาวกลุ่มนี้กำลังสนุกสุดเหวี่ยงในงานเปิดคลับซิกส์ตี้ไนน์ (Club 69) ปีที่แล้ว จะไปเที่ยวสถานบันเทิงแบบนี้ในเมืองหลวงของกัมพูชาต้องเสี่ยงเอง


หญิงสาวในชุดแฟนซีรอรับแขกเหรื่อที่ไปร่วมงานเปิด Pussy Cat ผับในกรุงพนมเปญเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน สถานกินดื่มแบบนี้ผุดขึ้นเป็นเดอกเห็ด หลายแห่งมีห้องคาราโอเกะให้บริการด้วย
"เพื่อให้สามารถช่วยเหลือสตรีในการจัดการกับพฤติกรรมทางเพศต่างๆ และหยุดยั้งการแพร่ขยายของเอชไอวีเอดส์ โครงการนี้จะต้องเข้าไปให้ถึงแหล่งบันเทิงต่างๆ เช่นบาร์คาราโอเกะและสถานอาบอบนวดต่างๆ ด้วย" เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าว

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า กฎหมายต่อต้านการค้าประเวณีของกัมพูชาเป็นสิ่งที่เรียกกันในสหรัฐฯ ว่า "วิธีการแบบอย่างที่ใช้นิติบัญญัติ" มองหญิงขายบริการทางเพศในทางที่เสื่อมและทุกคนเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จึงหาทางทำให้หญิงสาวเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

องค์การรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา เคยรายงานเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยมกับหญิงขาย บริการทางเพศ ใช้ความรุนแรงในการสอบสวน รวมทั้งข่มขื่นหญิงสาวเหล่านั้นอีกด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น